วันพฤหัสบดีที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2556

อนุพุทธประวัติ ภาคแคว้นวังสะ (1)

 ก็อบมาจาก FB ของตัวเอง

จากที่ได้ฟังธรรม เทศนาเรื่อง “ความรักเอย เจ้ามาจากไหน” ที่ตึกดีแทค ชั้น 33 กันแล้ว ก็มีเรื่องเล่าที่เป็นหนึ่งในซีรี่ส์ต่อเนื่องในพระไตรปิฎก ซึ่งเป็นเนื้อที่หลวงพี่นำมาเล่าให้ฟังและขยายความนั่นเองครับ

ซีรี่ส์นี้ขอเรียกว่า อนุพุทธประวัติ ภาคแคว้นวังสะ
ลำดับเรื่องราว
เกริ่นนำแคว้น-ประวัติพระเจ้าอุเทน เจ้าชายพลัดถิ่น รู้มนต์เรียกช้าง
โกตุหลิก โฆสกเทวบุตร โฆสกเศรษฐี โฆสิตาราม
นางสามาวดี
นางหลังค่อมชื่อ ขุชชุตรา
พระเจ้าอุเทนและนางสามาวดี
นางมาคันทิยา ผู้ต่อว่าพระพุทธเจ้า
นางมาคันทิยากล่าวหานางสามาวดี เกาฑัณฑ์เปลี่ยนทิศ
นางมาคันทิยาเผาตำหนัก จุดจบของอสรพิษ
พระสงฆ์แตกกันเอง สังฆเภทครั้งที่ 1
ทรงโปรดพระอนุรุทธะจนเป็นพระอรหันต์
เรื่องปาลิไลยกะ
-----------------------------------------------------

โฆสกเศรษฐี
โฆสก เศรษฐี เป็นเศรษฐีมหาศาลแห่งกรุงโกสัมพีที่พระเจ้าอุเทนครองอยู่ ในชาติปางก่อน โฆสกเศรษฐี เป็นชายยาจกเข็ญใจอยู่ในแคว้นอัลลกัปปะ ต่อมาที่แคว้นนี้เกิดทุพภิกขภัยผู้คนอดยาก ชายเข็ญใจก็พาภรรยาและบุตรไปที่เมืองโกสัมพี ระหว่างทางเหนื่อยอ่อนและหิวกระหายไม่มีแรงอุ้มลูกไว้กลางทาง

เมื่อ เดินทางไปถึงเมืองโกสัมพี สองสามีภรรยาก็ไปขออาศัยทำงานรับจ้างที่บ้านพ่อค้าโค พ่อค้าโคก็ให้พักและกินอาหาร ระหว่างนั้นพ่อค้าปั้นข้าวปายาสอย่างดีให้สุนัขที่เลี้ยงไว้ ชายเข็ญใจเห็นเช่นนั้นก็นึกในใจว่า .“.สุนัขตัวนี้โชคดีหนอได้กินอาหารที่ดียิ่งกว่ามนุษย์เสียอีก” และด้วยความหิวชายเข็ญใจเป็นลมตายและไปเกิดในครรภ์ของสุนัขตัวนั้น

เมื่อ ลูกสุนัขเกิด พ่อค้าโคก็รักใคร่หาน้ำนมโคอย่างดีมาเลี้ยง และเมื่อพ่อค้าโคนิมนต์พระปัจเจกพุทธเจ้ามาฉันอาหาร พระปัจเจกพุทธเจ้าก็จะปั้นข้าวให้ลูกสุนัขด้วยความเมตตา จนสุนัขเติบใหญ่ สุนัขนั้นก็มีความรักให้พระปัจเจกพุทธเจ้ามาก ต่อมาพระปัจเจกพุทธเจ้าลาพ่อค้าโคไป สุนัขมีความอาลัยมาก ยืนเห่าอยู่จนพระปัจเจกพุทธเจ้าลับตาไป สุนัขก็หัวใจแตกตาย เมื่อตายไปกลายเป็นเทพบุตรที่มีเสียงอันดังจึงได้ชื่อว่า โฆสกเทพบุตร มีนางอัปสรแวดล้อม ๑,๐๐๐ นาง เป็นเทพบุตรผู้มีเสียงดังมากเพราะอานิสงส์การเห่าไล่สัตว์ร้ายให้พระปัจเจก พุทธเจ้า

ต่อมาโฆสกเทพบุตรต้องไปจุติในโลกมนุษย์ เสวยสมบัติอยู่ในเทวโลกไม่นาน มัวแต่เพลินบริโภคกามคุณจนลืมเสพอาหารทิพย์ จึงจุติไปเกิดเป็นบุตรหญิงงามเมืองในกรุงโกสัมพี ตามประเพณีของหญิงงามเมืองนี้ ถ้ามีลูกสาวก็จะเลี้ยงดูให้เป็นหญิงงามเมืองต่อ แต่ถ้าเป็นชายก็จะทิ้งไป เมื่อโฆสกเกิดเป็นชาย มารดาก็พาไปทิ้งที่กองขยะ มีหญิงคนหนึ่งเดินไปได้ยินเสียงเด็กแรกเกิดร้องก็เดินไปค้นหา พบเด็กน้อยนอนอยู่ในกองขยะจึงเกิดความเมตตารีบอุ้มไปพื่อจะนำไปเลี้ยง

เช้า วันนั้นเศรษฐีชาวเมืองโกสัมพีผู้หนึ่งดินทางไปเฝ้าพระราชา เมื่อปุโรหิตของพระราชา เศรษฐีถามปุโรหิตว่า .“วันนี้ดวงดาวเป็นอย่างไรท่านปุโรหิต” “ปุโรหิตตอบว่าดวงดาววันนี้ดีมาก เด็กที่เกิดวันนี้จะเป็นเศรษฐีมหาศาล ” เผอิญภรรยาของเศรษฐีก็ครรภ์แก่อยู่อาจจะคลอดในวันนี้พรุ่งนี้ เศรษฐีจึงรีบให้คนใช้กลับไปถามที่บ้านว่าภรรยาคลอดหรือยัง คนใช้รีบกลับไปถามแล้วมาบอกเศรษฐีว่ายังไม่คลอด เมื่อเศรษฐีกลับจากเฝ้าพระราชาไปถึงบ้านตอนเย็น ก็ให้นางกาลีคนรับใช้ไปสืบหาว่าใครคลอดลูกในวันนี้แล้วให้นำเงินหนึ่งพันกหา ปนะไปซื้อเด็กนั้นมา นางกาลีไปสืบจนพบหญิงที่เก็บโฆสกมาเลี้ยง เมื่อนางกาลีเห็นว่าเป็นเด็กที่เกิดวันนี้จึงรีบขอซื้อมาให้เศรษฐี เศรษฐีนึกในใจว่าถ้าลูกของเราที่จะเกิดมาเป็นหญิงก็จะให้แต่งงานกับเด็กคน นี้ แต่ถ้าลูกของเราเป็นชายเราก็จะฆ่าเด็กคนนี้เสีย เมื่อภรรยาเศรษฐีคลอดบุตรเป็นชาย เศรษฐีให้นางกาลีนำไปฆ่าด้วยวิธีต่างๆ
ถูกทิ้งถูกฆ่าซ้ำแล้วซ้ำอีก

เศรษฐี สั่งให้นางกาลีนำทารกไปวางขวางกลางประตูคอกโค หวังจะให้แม่โคเหยียบให้ตายตอนนายโคบาลปล่อยโคออกจากคอก แต่โคนายฝูงออกมายืนคร่อมทารกไว้ไม่ให้ทารกถูกแม่โคตัวอื่นเหยียบ นายโคบาลสังเกตเห็นผิดปกติที่โคนายฝูงปกติจะออกจากคอกหลังสุด แต่วันนี้กลับออกจากคอกก่อน แถมยังยืนนิ่งขวางทางอยู่จึงเดินไปดู เมื่อเห็นทารกนอนอยู่ก็เกิดความรักนำกลับไปเลี้ยงดู เศรษฐีรู้ว่านายโคบาลนำทารกไปเลี้ยงจึงให้นางกาลีไปไถ่ตัวกลับมาด้วยทรัพย์ พันหนึ่ง
เศรษฐีสั่ง ให้นางกาลีนำทารกไปวางขวางทางขบวนเกวียน ๕๐๐ เล่มที่พ่อค้าขับไปค้าขายแต่เช้ามืด แต่โคนำขบวนกลับหยุดขวางทางไว้ไม่ยอมลากเกวียนไปต่อ หัวหน้าขบวนเกวียนรอจนฟ้าสว่างจึงเห็นว่ามีทารกนอนอยู่ เขาจึงนำทารกกลับไปเลี้ยง แต่เศรษฐีก็ให้นางกาลีไปขอไถ่ตัวกลับมาอีกด้วยทรัพย์พันหนึ่ง
เศรษฐี สั่งให้นางกาลีนำทารกไปทิ้งที่ป่าช้าผีดิบ หวังจะให้ทารกถูกสุนัขป่าหรืออมนุษย์ฆ่าให้ตาย ครั้งนั้นนายอชบาลต้อนฝูงแพะหลายแสนตัวผ่านมา แม่แพะตัวหนึ่งหยุดให้นมทารก นายอชบาลเห็นจึงนำทารกกลับไปเลี้ยง เศรษฐีรู้จึงให้นางกาลีไปขอไถ่ตัวกลับมาอีกด้วยทรัพย์พันหนึ่ง
เศรษฐี สั่งให้นางกาลีนำทารกไปทิ้งที่เหวทิ้งโจร แต่ทารกก็ปลอดภัยเพราะตกลงบนพุ่มไม้ไผ่ หัวหน้าช่างจักสานมาตัดไม้ไผ่พบเข้าจึงพากลับไปเลี้ยง เศรษฐีรู้จึงให้นางกาลีไปขอไถ่ตัวกลับมาอีกด้วยทรัพย์พันหนึ่ง
เศรษฐีพยายามฆ่าเด็กหลายครั้งแต่ไม่ตาย จึงจำต้องเลี้ยงไว้จนเติบใหญ่ มีชื่อว่า โฆสกะ

    ให้ทุกข์แก่ท่านทุกข์นั้นถึงตัว
เศรษฐี จำใจเลี้ยงโฆสกะ อยู่ในบ้านจนโต เศรษฐีก็คิดแค้นอยู่ตลอดเวลาวันหนึ่งเศรษฐีคิดถึงเพื่อนที่เป็นนายช่างหม้อ จึงหาทางกำจัดโฆสกจึงบอกโฆสกให้นำหนังสือไปให้ช่างหม้อ จดหมายนั้นบอกว่า “ ฉันมีลูกชาติชั่ว ถ้าลูกคนนี้มาพบท่าน ท่านจงเอามีดตัดให้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ใส่ในตุ่มแล้วนำไปเผาในเตา แล็วเราจะให้รางวัลท่านหนึ่งพันกหาปนะ ” ขณะที่โฆสกเดินถือจดหมายไปพบลูกเศรษฐีกำลังเล่นคลีอยู่กับเพื่อนๆ ลูกเศรษฐีกำลังเล่นแพ้พอเห็นโฆสกก็เรียก “ พี่โฆสก มาช่วยเล่นด้วย ฉันกำลังแพ้ ” โฆสกตอบว่า “ไม่ได้พี่ต้องนำจดหมายด่วนของพ่อไปให้ช่างหม้อ” ลูกเศรษฐีจึงอาสาว่า “ฉันจะนำจดหมายไปให้นายช่างหม้อเอง”
ตอนเย็น เศรษฐีเห็นโฆสกจึงร้องถามว่า “เจ้ายังไม่ได้เอาจดหมายด่วนของพ่อไปให้ช่างหม้อหรือ?” โฆสกตอบว่า “น้องให้ฉันเล่นคลีแทน แล้วน้องถือจดหมายของพ่อไปให้ช่างหม้อ” เศรษฐีได้ฟังใจหายวาบ รีบวิ่งไปที่บ้านช่างหม้อ พอช่างหม้อเห็นหน้าเศรษฐีก็ร้องบอกว่า “เรื่องที่ท่านสั่งมานั้นเราทำสำเร็จแล้ว” เศรษฐีก็ป็นลมด้วยความเสียใจ
หลัง จากนี้เศรษฐีก็พยายามฆ่าโฆสกด้วยวิธีต่างๆ แต่ก็ไม่สำเร็จ จนโฆสกเติบโตเป็นหนุ่ม เศรษฐีก็มิให้ร่ำเรียน โฆสกจึงอ่านหนังสือไม่ออก


โฆสกะแต่งงาน
เศรษฐี แค้นโฆสกะมากยิ่งขึ้นครุ่นคิดหาวิธีจะฆ่าโฆสกะให้ได้ จึงออกอุบายให้โฆสกะไปส่งจดหมายให้คนเก็บส่วยในชนบท โฆสกะบอกว่าตนยังไม่ได้กินข้าวเลย เศรษฐีบอกว่าระหว่างทางในชนบทมีเรือนของคามิกเศรษฐีซึ่งเป็นเพื่อนกัน ให้โฆสกะแวะกินข้าวที่เรือนนั้น โฆสกะไม่รู้หนังสือจึงเอาจดหมายผูกชายผ้าเดินทางไป
    เมื่อเดิน ทางถึงเรือนคามิกเศรษฐี โฆสกะจึงแวะเข้าไปหาภรรยาคามิกเศรษฐีแนะนำตัวเองว่าชื่อโฆสกะเป็นบุตรของ เศรษฐีในเมืองชื่อโฆสกะ ภรรยาเศรษฐีรู้สึกเมตตาจึงจัดข้าวปลาอาหารให้กิน และให้นางทาสีพาโฆสกะไปนอนพักผ่อน
    นางทาสีคนนั้นเป็นทาสีของ ธิดาเศรษฐี เมื่อนางจัดเตรียมที่นอนให้โฆสกะเรียบร้อยแล้วจึงไปรับใช้ธิดาเศรษฐีตามปกติ ธิดาเศรษฐีถามว่าทำไมวันนี้นางทาสีจึงมาช้านัก นางทาสีบอกว่านายหญิงให้ไปจัดที่นอนให้แขกคนหนึ่งเป็นชายหนุ่มรูปหล่อชื่อ โฆสกะ
    พอธิดาเศรษฐีได้ยินชื่อ โฆสกะ นางก็บังเกิดความรักเฉือนเข้าไปถึงกระดูก เพราะธิดาเศรษฐีนี้คือนางกาลีอดีตภรรยาโฆสกะเมื่อครั้งที่เป็นนายโกตุหลิก นั่นเอง ความรักของนางเกิดขึ้นแล้วเพราะเหตุเคยอยู่ร่วมกันในกาลก่อน
    ธิดา เศรษฐีแอบไปดูโฆสกะ ที่นอนหลับอยู่ และหยิบหนังสือที่ชายผ้าเปิดอ่าน ในหนังสือนั้นบอกว่า“ผู้ถือหนังสือนี้เป็นลูกชาติชั่วของเรา ขอให้ท่านจงโยนลงภูเขาให้ตายถ้าท่านทำสำเร็จ เราจะให้รางวัลอย่างงาม” ธิดาคามิกเศรษฐีพอรู้ว่าโฆสกะถูกหลอกไปฆ่าจึงคิดวิธีช่วยเหลือ จัดการแปลงสารด้วยข้อความใหม่

    “ลูกชายของเราคนนี้ชื่อ โฆสกะ ท่านจงทำธุระให้เขาทำการมงคลกับธิดาคามิกเศรษฐีด้วย บรรณาการจากบ้านส่วย ๑๐๐ บ้าน ปลูกเรือน ๒ ชั้นให้เป็นที่อยู่ สร้างรั้วให้แข็งแรงและจัดเวรยามดูแลให้ดี แล้วส่งข่าวกลับไปบอกด้วยว่าท่านทำการเสร็จแล้ว เราจักสมนาคุณท่านในภายหลัง”
    เมื่อแปลงสารเสร็จแล้ว ธิดาเศรษฐีก็พับจดหมายคืนที่เดิม
    วัน รุ่งขึ้น โฆสกะเดินทางต่อจนถึงเรือนของนายส่วย เมื่อได้อ่านจดหมายแล้ว นายส่วยจึงจัดงานอาวาหมงคลให้โฆสกะกับธิดาคามิกเศรษฐี แล้วส่งข่าวให้เศรษฐีโกสัมพีทราบว่างานที่สั่งให้ทำสำเร็จแล้ว


เศรษฐีล้มป่วยเพราะความแค้น
เศรษฐี อ่านจดหมายนายส่วยจบก็เสียใจและแค้นใจ บุตรชายตัวเองหวังจะให้เป็นมหาเศรษฐีก็มาตาย ส่วนโฆสกะพยายามฆ่ามาหลายครั้งไม่เคยสำเร็จ ด้วยความแค้นและความเสียใจสุมเต็มอกเศรษฐีจึงล้มป่วยลงด้วยโรคลงแดง

เศรษฐี ตั้งใจว่าจะไม่ยอมยกสมบัติของตัวเองให้โฆสกะอย่างเด็ดขาด จึงส่งคนรับใช้ให้ไปตามโฆสกะมาหา แต่ภรรยาโฆสกะคอยดักไว้ไม่ให้พบ นางถามถึงอาการเศรษฐีว่าเป็นอย่างไรบ้าง คนรับใช้บอกว่ายังมีกำลังดีอยู่ นางจึงจัดที่พักให้บอกว่าให้อยู่ที่นี่ก่อนอย่าเพิ่งกลับ
เศรษฐีส่งคนรับใช้ไปอีก ภรรยาโฆสกะก็จัดที่พักให้เหมือนคนก่อน
    จน ถึงคนรับใช้คนที่สามมาบอกว่าเศรษฐีอาการเพียบหนักใกล้ตายแล้ว ภรรยาโฆสกะจึงบอกให้สามีเตรียมบรรณาการจากบ้านส่วย ๑๐๐ บ้าน ใส่เกวียนไปเยี่ยมเศรษฐี


    เมื่อไปถึงเรือนเศรษฐี ภรรยาบอกให้โฆสกะไปยืนทางปลายเท้า ส่วนนางยืนทางด้านศีรษะ เศรษฐีเห็นโฆสกะ มาแล้วจึงเรียกเสมียนมาถามว่า ในเรือนของฉันมีทรัพย์อยู่เท่าไร นายเสมียนตอบว่ามีทรัพย์อยู่ ๔๐ โกฏิ และเครื่องอุปโภคบริโภคบ้าน นา สัตว์ ๒ เท้า ๔ เท้า ยานพาหนะ มีอีกจำนวนหนึ่ง
เศรษฐีจะประกาศว่า
    “ฉันไม่ให้ทรัพย์แก่โฆสกะ”
    แต่ด้วยอาการไข้หนักเศรษฐีกลับพูดผิดว่า
    “ฉันให้..”
    ภรรยา โฆสกะที่รอท่าอยู่พอได้ยินเศรษฐีพูดเพียงเท่านี้ นางเกรงว่าเศรษฐีจะพูดคำอื่นอีกจึงแสร้งทำเป็นเศร้าโศก โถมศีรษะลงกลิ้งเกลือกบนอกเศรษฐี แสดงอาการร้องไห้คร่ำครวญจนเศรษฐีไม่อาจพูดได้อีก แล้วเศรษฐีก็ขาดใจตาย

ภรรยา โฆสกเศรษฐีเล่าให้นางกาลีฟังว่า เพราะนางแอบแปลงจดหมาย วันนี้โฆสกะจึงได้ตำแหน่งเศรษฐี นางกาลีก็เล่าให้นางฟังบ้างว่าเศรษฐีพยายามฆ่าโฆสกะมาแล้วหลายครั้งตั้งแต่ ยังเป็นทารก ใช้ทรัพย์ไปมากมายแต่ก็ไม่สามารถฆ่าโฆสกะได้ พอรู้ดังนั้นแล้วภรรยาโฆสกะจึงหัวเราะ
โฆสกเศรษฐีเข้าเรือนมา เห็นภรรยาหัวเราะจึงถามว่าหัวเราะอะไร ภรรยาไม่ยอมบอก โฆสกเศรษฐีชักดาบขู่ว่าถ้าไม่บอกเราจะฟันให้ขาดเป็น ๒ ท่อน ภรรยาจึงบอกว่า สมบัติทั้งหลายนี้ท่านได้มาเพราะดิฉัน
    แล้วภรรยาก็เล่าเรื่อง ราวให้สามีฟัง โฆสกเศรษฐีไม่เชื่อ ภรรยาจึงให้นางกาลีมายืนยันอีกคน ฟังแล้วโฆสกเศรษฐีจึงคิดว่า เราทำกรรมหนักไว้หนอจึงได้ผลเช่นนี้ ต่อไปเราจะไม่เป็นผู้ประมาทอีก
    คิดดังนั้นแล้ว เศรษฐีจึง ให้ตั้งโรงทาน สละทรัพย์วันละพันเพื่อสงเคราะห์คนเดินทางไกลและคนกำพร้า มอบหมายให้ นายมิตตะ เป็นผู้ดูแลโรงทาน อีกทั้งยังถวายภัตแด่พระดาบส ๕๐๐ รูป ในป่าหิมพานต์ใกล้กรุงโกสัมพีเป็นประจำ
โฆสกเศรษฐีมีลูกบุญธรรมชื่อ สามา ต่อมาคือพระนางสามาวดี ซึ่งจะมีบทบาทสำคัญในบทต่อไป
credit [Format] มูลนิธิอภิธรรมมูลนิธิ http://thaimisc.pukpik.com/freewebboard/php/vreply.php?user=dokgaew&topic=1003
โปรดติดตามตอนต่อไป