วันอังคารที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2557

ชีวิตอัศจรรย์ของ "นกอินทรี"

 ชีวิตอัศจรรย์ของพญานกที่หลายท่านอาจยังไม่ทราบครับ "นกอินทรี"

นกอินทรี เป็นสัตว์ปีกที่มีอายุยืนที่สุดในโลก มันมีอายุยาวนานถึง 70 ปี เมื่อเราเอ่ยถึงมันก็คงต้องนึกถึงปีกอันสง่างาม และกรงเล็บที่ทรงพลัง แต่จะมีใครรู้หรือไม่ว่ามันมีช่วงชีวิตที่เป็นอุปสรรคอันใหญ่หลวงของมันด้วย ...
เมื่อนกอินทรีอายุ 40 ปี ปากของมันจะงองุ้มลง จนจะจิกจะกินอะไรก็ทำได้ยาก เล็บมันจะยาวออกและโค้งงอ จนไม่สามารถจะจับสัตว์กินเป็นอาหารได้ดีเหมือนเดิม และปีกที่งดงามของมันก็จะเกิดขนปกคลุมจนหนาและหนัก ทำให้มันออกแรงบินแต่ละครั้งด้วยความยากลำบาก ช่วงเวลานี้กินเวลายาวนานถึง 150 วัน หรือประมาณ 5 เดือน ... พอมาถึงช่วงนี้มันมีทางเลือก 2 ทางในชีวิต คือ หนึ่งฆ่าตัวตายเสีย กับทางเลือกที่สอง คือ ต้องอดทน และต้องผ่านบททดสอบนี้ไปให้ได้ ... 



ถ้ามันเลือกหนทางที่หนึ่ง มันก็สามารถทำได้ด้วยการเอากรงเล็บปาดคอตัวเอง เพื่อจบชีวิตลง หรือไม่ก็ทรมานตายไปเอง ...

แต่ถ้ามันเลือกหนทางที่สอง มันต้องกัดฟันบินขึ้นสู่ภูเขาหินสูง แล้วเคาะปากมันกับหินเป็นร้อยเป็นพันครั้ง เพื่อให้จงอยปากของมันหลุดออกมา ... ต่อจากนั้นมันต้องเคาะเล็บตนเองที่งองุ้ม กับพื้นหินที่แข็งกระด้าง จนเล็บหลุดออกมาทีละเล็บๆ จนหมด มันต้องจิกดึงขนที่หนาเตอะ ตรงอกและปีกออกทีละชิ้นทีละชิ้น จนขนเหล่านั้นหมดไป ... แน่นอนขั้นตอนเหล่านี้ต้องกินเวลานาน และเจ็บปวดทุกข์ทรมานแสนสาหัสสากรรจ์ ... กระบวนการจะเริ่มอย่างช้าๆ และสิ้นสุดลงเมื่อครบ 150 วัน




เมื่อมันอดทนผ่านไปได้ รางวัลของมันคือ ปากที่จะงอกออกมาใหม่สวยงามกว่าเดิม เล็บที่จะงอกออกมาใหม่ แหลมคมและทรงพลัง เหมาะแก่การล่าสัตว์หาอาหารเพื่อการดำรงชีวิต ... และของขวัญล้ำค่าอีกอย่างคือชีวิตที่จะมีต่อไปได้อีก 30 ปี .. เป็น 30 ปีที่สง่างาม และมีเกียรติ ... มันจะบินขึ้นสู่ท้องฟ้าอีกครั้งด้วยปีกที่ทรงพลังกว่าเดิม ... แต่ถ้าหากว่ามันไม่ผ่านบททดสอบ มันไม่ยอมทนทุกข์ไม่ยอมเจ็บ ทุบเอาปากออก ไม่ยอมเจ็บเพื่อจะเอาเล็บตนเองออก และไม่ยอมอดทนที่จะจิกดึงเอาขนที่มีจำนวนมากมาย และหนาเตอะออก เมื่อผ่าน 150 วันมันจะต้องตายในที่สุด ...

มีนกอินทรีหลายตัวที่ผ่านบททดสอบ แต่ก็มีอีกจำนวนมหาศาลเช่นกันที่ตายลงในบททดสอบ 150 วันนี้ ...


มนุษย์เมื่อเกิดมาแล้ว ก็ต้องมีทั้งสุขและทุกข์ เมื่อเจอเหตุการณ์ที่ทำให้เราต้องเจ็บปวด เราต้องอดทนจนถึงที่สุด เพราะเมื่อเราผ่านมันไปได้ ชีวิตเราย่อมมีสิ่งที่ดีรออยู่ข้างหน้าอย่างแน่นอน ... อาจมีหลายครั้งที่เราเจ็บเหลือเกิน เราร้องไห้ เราล้มลงทั้งยืน ... อย่าหมดหวังในชีวิต จงลุกขึ้นสู้อุปสรรคนั้น อย่าคิดทิ้งบททดสอบเหมือนนกอินทรีย์บางตัวที่ไม่ยอมทนเจ็บ ไม่ยอมทนทรมานเพียงชั่วคราว ...

ช่วงเวลาแห่งความทุกข์มีกันทุกคน แต่มันไม่ได้ยาวนานนิรันดร์ เมื่อเราผ่านพ้นมันก็จะหายไปเอง ... เหลือแต่ความเข้มแข็งของเราที่จะมีมากกว่าเดิม ...

อุปสรรคไม่เคยฆ่าใครตาย แต่เป็นกำแพงที่มีเพื่อให้เราข้าม เพื่อที่เราจะเติบโต เพื่อที่เราจะแข็งแกร่งขึ้น เพื่อที่เราจะงดงามขึ้น ... จงเป็นดั่งนกอินทรีที่มีชีวิตต่อไปได้อีก 30 ปีนั้นเถิด


ขอขอบคุณข้อความจาก-กัลยาณมิตร




กลอนพญาอินทรี (ไม่ทราบนามผู้แต่ง แต่ความหมายน่าสนใจ)

เจ้าพญา ผู้พิทักษ์ เหล่าปักษี
แม่อินทรีย์ จอมวิหค ผกเวหา
ผู้เป็นใหญ่ ในขุนเขา เฝ้าพนา
ครองนภา อากาศกว้าง อย่างทระนง
มีคุณธรรม อันยิ่งใหญ่ ให้เล่าขาน
พญานก สืบสาน อย่างได้ผล
คือวิธี เลี้ยงลูกน้อย ให้คอยยล
ขอทุกคน ติดตามกลอน ตอนต่อไป

พญานก จะขยัน หมั่นหาเหยื่อ
มาแผ่เผื่อ ลูกนก จิตสดใส
เฝ้าเป็นห่วง ลูกน้อย ผู้กลอยใจ
คอยห่วงใย ถนอม กล่อมลูกยา

สายตาสอด ส่องภัย ให้แก่ลูก
จิตฝังผูก กลัวลูกหล่น ลงเวหา
หมั่นนอนกก ให้อบอุ่น แก่ลูกยา
วันเวลา ผ่านไป จนใหญ่โต

ลูกทุกตัว เติบใหญ่ อย่างได้ผล
ต่างซุกซน บนรังรัก อยากบินโผ
มองเห็นแม่ โผผิน บินโฉบโชว์
ต่างอยากโผ บินข้าม ตามมารดา

พญานก บินว่อน เพื่อสอนลูก
ให้รีบลุก ปลุกใจ ให้ถลา
สอนให้บิน กระโจน ร่อนโผนมา
ถึงเวลา ลูกรัก จักโบยบิน

ลูกพญา อินทรีย์หนอ พอได้ฟัง
ต่างก็ย่าง เตาะแตะมา ใกล้ผาหิน
บางตัวกล้า เดินต้วมเตี้ยม เตรียมจะบิน
บางตัวสิ้น แรงหด ตกจากรัง

ตัวที่แข็ง แรงมี ปรี่ขึ้นฟ้า
ตัวที่แรง อ่อนหล้า คราหมดหวัง
ต่างตกเหว ชีวิน ก็ภินท์พัง
ฝากเป็นเรื่อง ความหลัง ที่ยังงง

สุดวิสัย ที่แม่อินทรีย์ จะปรี่รับ
สุดวิสัย ที่จะคาบ ตามประสงค์
จึงปล่อยให้ ลูกตัวนิด มาปลิดปลง
เพราะประสงค์ ลูกที่แข็ง แรงเท่านั้น

เปรียบประดุจ ชีวิตเรา เฝ้าฝึกฝน
สู้อดทน หนักเบา เฝ้าขยัน
จึงจะรอด ปลอดภัย ไร้โทษทัณฑ์
ส่วนผู้ที่ ประมาทนั้น พลันมลาย

เหมือนลูกนก อินทรีย์ ที่สาธก
นำมาถก ชี้แจง แถลงไข
เป็นตำนาน พญาอินทรีย์ ระบือไกล
เลี้ยงลูกน้อย เติบใหญ่ ปล่อยให้ตาย

เลือกลูกน้อย ที่สดใส ให้คงอยู่
เพื่อต่อสู้ อุปสรรค อย่างสมหมาย
ปล่อยลูกน้อย กำลังเพลา ไม่เอาใจ
ให้ล่วงหล่น ลงเหวใหญ่ ไพรพนา

พระธรรมทูต ก็เช่นกัน ผ่านมาได้
ที่ล้วนแล้ว เอาใจใส่ ใฝ่ศึกษา
จึงสอบผ่าน ภาคจิตะ ภาวนา
สู่ภาควิชา- การกัน อย่างมั่นคง

ส่วนผู้ที่ อ่อนแอ ไม่แผ่เผื่อ
ไม่เอื้อเฟื้อ คำสั่ง อย่างเหมาะสม
จึงถึงการ ถูกทิ้งไว้ ในกลางดง
เลยหัวลง เอวัง กลับรังเดิม