วันจันทร์ที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

ผี ผีบ้าน ผีเรือน



สรุปความบางส่วนจากการฟังบรรยายธรรม เรื่อง “ผีจ๋า ฉันลาก่อน” โดยพระครูธรรมธรไพบูลย์ ธมฺมวิปุโล

แสดงธรรมที่ชมรมพุทธดีแทค จามจุรีแสควร์ ชั้น 33

และเพิ่มเติมด้วยความรู้พิเศษจากกรณีศึกษากฏแห่งกรรม โรงเรียนอนุบาลฝันในฝันวิทยา


“ผี” คืออดีตมนุษย์  ที่เมื่อหลังจากตายไปแล้วไปบังเกิดเป็นตามกำลังบุญ โดยว่ากันตามความรู้จ่กผู้ปฏิบัติสมาธิ กายมนุษยจะประกอบด้วยกายหยาบ ที่จับต้องได้และกายละเอียด หรือ กายทิพย์ หรือ อทิสมานกาย ซึ่งมีชื่อหลากหลายแตกต่างไปตามความรู้ของสำนักบฏิบัติ  ซึ่งก็คือ ใจหรือส่วนหนึ่งของใจ เมื่อกายหยาบถอดหลุดออกจากจิตแล้ว จิตหรือใจก็จะออกมาในรูปของกายละเอียด และจากนั้นเองก็ถึงเวลาที่จะต้องไปเกิดในภพภูมิต่างๆ ตามแต่กำลังบุญจะพาไป





                     ผีกึ่งเทวดา หรือที่รู้จักกันในชื่อ ผีบ้านผีเรือน หรือ  ที่จริงคือ เทวดาระดับภุมมเทวาที่กำลังบุญไม่ถึงพอจะไปอยู่แบบเทวดาตั้งแต่ภุมมเทวาหัวหน้าเขตจนถึงจาตุมฯ ปรนิมฯ จึงต้องอยู่ซ้อนภพกับโลก โดยส่วนมากคือผู้ที่ทำบุญตามประเพณี และทำแบบไม่ตั้งใจทำสม่ำเสมอ หรือวินาทีก่อนตายเต็มไปด้วยความห่วงทรัพย์สินบ้านเรือนญาติพี่น้อง

                  รูปร่างจะเหมือนสมัยมีชีวิตอยู่ช่วงใกล้หมดอายุขัย เช่นถ้าตายตอนเด็กก็เป็นผีเด็ก ตายตอนแก่ก็เป็นผีแก่ นอกจากนี้ ผีนี้จะ Aging ด้วย ส่วนอายุขัยก็แล้วแต่กำลังบุญ ถ้าได้รับบุญใหม่มา ร่ายกายจะกลับถอยหลังไปเรื่อยจนสุดที่ประมาณ 17-18 ปี  บ้านช่องจะอยู่เป็นมิติซ้อนภพอยู่ในบ้านทีตนอาศัย จะว่าไปคือ ใช้ข้าวของในบ้านเหมือนเจ้าของบ้านในบภพมนุษย์ แต่จะไม่ใช้ของๆเดียวกันกับมนุษย์ ส่วนห้องนอนจะเป็นห้องมิติพิเศษยื่นต่อเติมออกมานอกตัวบ้าน (ไม่ใช่ในศาลเจ้าตี่จู่เอี๊ย หรือศาลผีบ้านผีเรือนเหมือนในละคร)

                 ผีบ้านผีเรือนก็เหมือนภุมมเทวาทั่วไปคือ มีเจ้าปกครอง ตามสายบังคับบัญชา ของชั้นจาตุมหาราชิกา แล้วแต่ว่าจะอยู่กับกลุ่มท้าว 1 ใน 4 ท่านใด ซึ่งก็มีระบบการดูแลเกี่ยวกับการ เกิด ตาย ย้ายที่อยู่ ซึ่งผู้ว่าการเขต(บ้างรู้จักในนาม เจ้าที่เจ้าทาง )จะจัดสรรผีบ้านผีเรือนไปตามที่ต่างๆ แต่ทั้งนี้ก็อยู่กับบุญเจ้าตัวด้วย หากเจ้าของบ้านในเมืองมนุษย์ ย้ายบ้านออกไป ผีบ้านผีเรือนจะย้ายไปกับมนษย์ด้วย แต่หากบ้านถูกทำลายตายยกโคตร ก็เป็นหน้าที่หัวหน้าเขตในการอนุเคราะห์ต่อไป 

                อาหารการกินของผีบ้านผีเรือนจะคล้ายของมนุษย์แต่มีความละเอียดกว่า และรสชาติต่างกันไปตามโอชารส และที่สำคัญ พวกเขาไม่กินเครืองเซ่นเหมือนกับพวกเปรดอสุรกาย



                ในเรื่องของอิทธฤทธิ์นั้นก็จะมีบางกรณีที่พวกเขาสามารถทำได้ ขึ้นอยู่กับว่ามีกำลังบุญมากแค่ไหนและเป็นฝ่ายใด ผีบ้านผีเรือนบางจำพวกจะเป็นกลุ่มพิเศษที่รู้จักวิชาอาคม เรียกว่า วิทยาธร ซึ่งในอดีตเคยเป็น พ่อมดแม่มด เมื่อครั้งยังเป็นมนุษย์ และยังคงมีวิชาเวทมนต์คาถาติดตัวมาก็สามารถใช้ฤทธิ์ได้ และเวทมนต์ของเขาเหล่านั้นก็ยังคงสาย ขาว-ดำ ตามที่เคยฝึกมาในภพชาติก่อน  
                แต่พลังของพวกเขาจะไม่ได้มีอานุภาพมากนัก เนื่องจากกำลังบุญที่จำกัดของผีบ้านผีเรือน โดยมากที่ทำได้มากที่สุดคือ เคลือนย้ายข้าวของ ปิดสวิตซ์ไฟ ขับไล่สัมภเวสี หรือการทำนายเหตุการณ์ล่วงหน้าประมาณ 7 วัน ตามกำลังสมาธิจะพาไปได้


                แต่การที่พวกเขาจะแสดงเรื่องพวกนี้ให้เห็นนั้นไม่ใช่เรื่องปกติธรรมดา ต้องมีสาเหตุบางอย่าง เช่น  หัวหน้าเขตสั่งการมา หรือ เคยเป็นญาติที่รักกันมาก่อน หรือ จำเป็นต้องปกป้องเจ้าของบ้านให้พ้นอันตราย ข้อจำกัดอีกประการคือ พวกเขาได้แต่เป็น “พรายกระซิบ” เท่านั้น
 



อีกประการหนึ่งที่น่ารู้ไว้คือ บ้านต่างๆทั่วโลกล้วนมีพวกเขาอยู่อาศัย แม้แต่ในห้องแถวเล็กๆ

ดังนั้นอย่าได้แปลกใจว่าเมื่ออยู่บ้านคน เดียว รู้สึกว่ามีอีกคนอยู่กับเราด้วย!