จาก ผู้เขียน: pratheepbu http://www.vcharkarn.com/vblog/39367
วัตถุประสงค์ มุ่งให้อธิบายวิธีการหรืออธิบายความรู้ในเรื่องต่างๆ
ลักษณะคำถาม ให้คำจำกัดความ / ให้รายละเอียดที่เป็นข้อเท็จจริง / ให้เปรียบเทียบ
“คืออะไร” / “มีความหมายว่าอย่างไร” / “จงอธิบาย” / “จงเปรียบเทียบ”
ขั้นตอนการตอบ
1) พิจารณาลักษณะของคำถามว่ามุ่งให้ตอบในประเด็นใด
2) รวบรวมความรู้ที่เป็นข้อมูลสำคัญซึ่งอาจได้จากการอ่าน การฟัง การสังเกต และการศึกษาค้นคว้า
3) จัดระเบียบความรู้ความคิดให้เป็นหมวดหมู่แล้วเรียบเรียงความคิดนั้นตามลำดับ
4) อาจมีตัวอย่าง เหตุผล หลักฐานอ้างอิง หรือการเปรียบเทียบตามความจำเป็น
5) ต้องเรียบเรียงถ้อยคำให้เข้าใจง่าย น่าสนใจ น่าอ่าน และลำดับความคิดให้ต่อเนื่องกัน อย่าให้วกวนสับสน
แนวการตอบ
1) การให้คำจำกัดความ อธิบายให้สั้นรัดกุมและชัดเจน
2) การยกตัวอย่าง ช่วยให้การอธิบายชัดเจนและเข้าใจง่ายขึ้น
3) การเปรียบเทียบ
ลักษณะที่เหมือนกันหรือลักษณะที่แตกต่างกัน
บางครั้งอาจต้องบอกข้อดีข้อเสียของสิ่งที่นำมาเปรียบกันเพื่อให้คำ
ตอบกระจ่างชัด ในบางกรณีสิ่งที่อธิบายนั้นมีลักษณะเข้าใจยาก
ผู้ตอบอาจต้องเปรียบเทียบกับสิ่งที่เข้าใจได้ง่าย
4) การแสดงเหตุผล แสดงว่าอะไรเป็นสาเหตุ อะไรเป็นผล อาจตอบอธิบายจากผลไปสู่สาเหตุหรือจากสาเหตุไปสู่ผลก็ได้
5) การอธิบายตามลำดับขั้น ถามเกี่ยวกับกรรมวิธีหรือกระบวนการที่มีขั้นตอน
2. ข้อสอบที่มุ่งให้แสดงความคิดเห็น
วัตถุประสงค์ ต้องการให้ผู้ตอบใช้เหตุผลและหลักฐานอ้างอิงประกอบ เพื่อให้การแสดงความคิดเห็นของตนน่าเชื่อถือหรือน่านำไปปฏิบัติได้
ลักษณะคำถาม “เห็นด้วยหรือไม่” / “จงแสดงความคิดเห็น” / “ทำไม”
องค์ประกอบของข้อสอบ
1) เรื่อง
อ่านคำถามให้เข้าใจและพยายามจับประเด็นให้ได้ว่า
ต้องเขียนแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องอะไร
แต่ถ้าลักษณะข้อสอบเป็นการตัดตอนข้อความหรือหยิบยกเรื่องราวมาประกอบคำถาม
เพื่อให้อ่านและแสดงความคิดเห็น
ผู้ตอบจำเป็นต้องจับใจความสำคัญและตีความเพื่อจับประเด็นสำคัญจากเรื่องให้
ได้ครบถ้วนก่อนแล้วจึงตอบคำถามหรือเสนอความคิดเห็นของตน
2) ข้อมูลหรือความรู้ที่จำเป็น
ต้องมีความรู้ความเข้าในในเรื่องที่ตนเสนออย่างแจ่มแจ้ง
และสามารถเลือกใช้ข้อมูลได้อย่างเหมาะสม
อาจจะเป็นได้ทั้งข้อเท็จจริงที่ได้รับการพิสูจน์แล้วและข้อคิดเห็นของผู้
อื่นซึ่งผู้ตอบใช้อ้างอิง สิ่งสำคัญก็คือควรเลือกแหล่งข้อมูลที่น่าเชื่อได้
เพราะข้อมูลที่จะนำมาใช้ต้องถูกต้องและชัดเจน
3) เหตุผล
มุ่งให้เกิดความคล้อยตามและยอมรับ
เหตุผลที่อ้างอิงอาจได้จากข้อเท็จจริงที่ศึกษามาหรือเป็นประสบการณ์ก็ได้
ควรจะมีน้ำหนักน่าเชื่อถือ ไม่ควรปล่อยให้อารมณ์หรืออคติครอบงำ
เพราะจะทำให้ข้อเขียนขาดความเที่ยงตรงได้
4) หลักฐาน มี
2 ประเภท ได้แก่ หลักฐานทางตรง
(ได้จากประสบการณ์ของผู้เขียนเองจึงเป็นหลักฐานที่น่าเชื่อถือที่สุด)
และหลักฐานทางอ้อม (ได้จากเอกสารหรือคำบอกเล่าของผู้อื่น
ซึ่งต้องอาศัยการตีความประกอบแต่ก็เป็นที่นิยมกันมาก) อาจปรากฏในรูปต่างๆ
เช่น ข้อเท็จจริง สถิติ ตัวเลย ตัวอย่างเหตุการณ์
ขั้นตอนการตอบ
1) สังเกตคำถามและพยายามจับประเด็นสำคัญจากคำถามว่า ข้อสอบมุ่งให้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องใดในแง่มุมใดบ้าง
2) ผู้
ตอบต้องบอกได้ว่าตนมีความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องหรือข้อความที่ได้อ่านอย่าง
ไร ต้องการสนับสนุน (ควรชี้ให้เห็นคุณประโยชน์หรือผลดี) หรือโต้แย้ง
(ต้องชี้ข้อบกพร่องหรือผลเสีย) ก็เขียนให้ชัดเจน
หากในข้อความที่อ่านมีการเสนอความคิดเห็นมาก่อน
ผู้ตอบต้องพยายามสนับสนุนหรือหักล้างความเห็นเหล่านั้นด้วยเหตุผลและหลักฐาน
ให้ความถ้วนทุกประเด็น กรณีที่ข้อความนั้นมีประเด็นที่น่าสนใจหลายประเด็น
ผู้ตอบอาจจะเห็นคล้อยตามความคิดเห็นบางประเด็นและขัดแย้งบางประเด็นก็ได้
ควรเขียนเสนอให้ชัดเจนว่าเห็นด้วยกับประเด็นใดและไม่เห็นด้วยกับประเด็นใด
พร้อมทั้งชี้แจ้งเหตุผลด้วย
3) เสนอ
ความคิดเห็นใหม่ๆ ของผู้ตอบเอง เขียนได้อย่างอิสระ
แต่ถ้าเป็นการกำหนดข้อความหรือเรื่องราวมาแล้ว
สิ่งที่ผู้ตอบพึงระวังก็คืออย่าเสนอความคิดเห็นซ้ำซ้อนกับความคิดที่มีปรากฏ
อยู่แล้วในคำถามโดยไม่ได้เสนอความคิดเห็นใหม่ๆ ที่เป็นของตนเพิ่มเติม
ไม่เพียงแต่ต้องใช้เหตุผลและหลักฐานอ้างอิงเพื่อเสริมให้ความคิดเห็นนั้นน่า
เชื่อถือเท่านั้น แต่ต้องจัดลำดับความคิด เพราะการรู้จัดจัดวางข้อมูล
อ้างอิงเหตุผลและหลักฐานอย่างเป็นระบบ
จะช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจและเกิดความเห็นคล้อยตามได้ง่าย
4) สรุป
ประเด็นเกี่ยวกับความคิดเห็นที่สำคัญซึ่งต้องการเสนอไว้ตอนท้ายเรื่อง
เพื่อให้คำตอบสมบูรณ์และยังเป็นการย้ำให้ผู้อ่านได้นำข้อคิดไปพิจารณาใคร่
ครวญต่อไป
5) ผู้
ตอบสามารถเลือกตอบได้ 2 ลักษณะ คือ ลักษณะแรกเป็นการเขียนความเรียง (คำนำ
ส่วนเนื้อเรื่อง และส่วนสรุป)
ใช้ในกรณีที่เป็นการเขียนเสนอความคิดเห็นที่มีหลายประเด็น
ต้องอ้างอิงเหตุผลหลายประการเพื่อให้ผู้อ่านเกิดความเห็นคล้อยตาม
อีกลักษณะหนึ่งคือ การเขียนแสดงความคิดเห็นโดยตรง
มุ่งตอบตำถามให้ตรงประเด็น “เห็นด้วย” หรือ “ไม่เห็นด้วย” ต้องแสดงความเห็นให้ชัดเจนโดยไม่จำเป็นต้องมีอารัมภบท แต่ควรสรุปในตอนท้ายอีกครั้งเพื่อย้ำประเด็นสำคัญ
3. ข้อสอบที่มุ่งให้อภิปราย
วัตถุประสงค์ ผู้
ตอบต้องแยกแยะประเด็นของเรื่องที่จะเขียนอภิปรายได้ชัดเจน
และวิเคราะห์ได้ครบถ้วนทุกประเด็น ต้องชี้ให้เห็นข้อดีข้อเสีย
สาเหตุและแนวทางในการแก้ไขปัญหา ตลอดจนข้อเสนอแนะอันเป็นประโยชน์
ลักษณะคำถาม “จงอภิปราย”
องค์ประกอบของข้อสอบ
1) เรื่อง มี 2 ลักษณะ คือ
ก. เรื่อง
ที่เป็นข้อมูลทั่วๆ ไป
เพื่อให้ผู้ตอบได้เสนอทัศนะและข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวหลายๆ
ด้านพร้อมทั้งเหตุผลประกอบ
ในขณะเดียวกันการได้อ่านนานาทัศนะย่อมทำให้ผู้อ่านมีความรู้และมีทัศนะที่
กว้างขวางลึกซึ้งยิ่งขึ้น
ข. เรื่อง
ที่เป็นปัญหาในสังคม
ซึ่งผู้ตอบต้องการให้ผู้อ่านเปลี่ยนทัศนะหรือเปลี่ยนนโยบายใหม่
มักเป็นปัญหาส่วนรวมที่ทุกฝ่ายต้องร่วมมือแก้ไข
ทั้งยังมุ่งพิจารณาปัญหาเรื่องนั้นๆ ทุกด้านเพื่อหาข้อสรุป
และแนวทางปฏิบัติที่ก่อให้เกิดผลดี
2) ข้อมูล หรือความรู้ที่ได้จากหลักฐานหรือเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นซึ่งเกี่ยวกับเรื่องที่อภิปราย
3) ความคิดเห็นของผู้ตอบ ควรเสนอความคิดเห็นที่แปลกใหม่นอกเหนือจากข้อมูลที่ได้จากความคิดเห็นของผู้อื่น
4) ข้อเสนอแนะ เสนอแนวทางในการปฏิบัติ หรือวิธีแก้ไขปัญหาที่น่าสนใจและสามารถนำไปปฏิบัติได้จริง
5) เหตุผล ช่วยเพิ่มน้ำหนักทำให้คำตอบน่าสนใจยิ่งขึ้น เหตุผลที่ใช้ในการเขียนอภิปรายจะมีทั้งเหตุผลประกอบความคิดเห็นและเหตุผลประกอบข้อเสนอแนะ
6) หลักฐานอ้างอิง ใช้สนับสนุนการเสนอเหตุผลเกี่ยวกับเรื่องที่อภิปรายให้หนักแน่นยิ่งขึ้น
ขั้นตอนการตอบ
1) อารัมภบท
นำเข้าสู่เรื่อง เนื้อหาส่วนนี้จะเกี่ยวกับความรู้ทั่วไป ความสำคัญ
หรือความเป็นมาของเรื่องที่จะเขียนอภิปราย
ในกรณีที่เป็นการเขียนอภิปรายปัญหาส่วนรวมผู้ตอบอาจจะกล่าวถึงผลกระทบจาก
ปัญหานั้น
2) เนื้อเรื่อง ใน
การนำเสนอผู้ตอบจำเป็นต้องแยกแยะประเด็นต่างๆ อย่างชัดเจน
ถ้าเป็นการเขียนอภิปรายปัญหาส่วนรวม ควรเสนอสาเหตุของปัญหา วิธีแก้ไข
รวมทั้งข้อเสนอแนะต่างๆ ให้ครบถ้วน ควรพิจารณาปัญหาทุกด้านอย่างรอบคอบ
การเขียนอภิปรายแต่ละประเด็นต้องละเอียดมีเหตุผลมีหลักฐานอ้างอิงเพื่อให้
ผู้อ่านเข้าใจปัญหาและรู้จักวิธีแก้ไขปัญหาได้อย่างแท้จริง
ส่วนการใช้ข้อมูลประกอบอาจเขียนอ้างอิงโดยการให้รายละเอียด การยกตัวอย่าง
หรือการเปรียบเทียบเพื่อให้เกิดความคิดเห็นคล้อยตามได้ง่าย
3) ข้อเสนอแนะในช่วงท้ายของเนื้อเรื่อง อาจ
จะเป็นข้อคิดหรือแนวทางแก้ไขปัญหาอันเป็นประโยชน์เพิ่มเติม
ในการเขียนอภิปรายมักมีประเด็นที่ต้องกล่าวถึงมากมาย
ดังนั้นผู้ตอบจึงควรจัดลำดับข้อความให้เหมาะสมตามหลักการใช้เหตุผลและจัด
เป็นประเด็นใหญ่ประเด็นย่อยให้ชัดเจน ประเด็นใดมีความสำคัญควรกล่าวถึงก่อน
ส่วนประเด็นที่สำคัญรองลงมาก็กล่าวถึงในลำดับถัดไป
ส่วนการเขียนอภิปรายเกี่ยวกับปัญหาส่วนรวม มีวิธีจัดลำดับประเด็นที่น่าสนใจ
2 วิธี คือ วิธีแรก กล่าวถึงสาเหตุของปัญหาทั้งหมด ต่อจากนั้นจึงเสนอวิธีแก้ไขปัญหานั้นทุกปัญหา ส่วนวิธีที่สอง เป็นการเสนอสาเหตุของปัญหากับวิธีแก้ไขปัญหาเป็นข้อๆ ไปจนกระทั่งพิจารณาปัญหาได้ครบทุกข้อ การรู้จักลำดับประเด็นจะช่วยให้ผู้อ่านไม่สับสนและสามารถอ่านข้อเขียนได้เข้าใจยิ่งขึ้น
4) บทสรุป ควรย้ำประเด็นสำคัญที่ต้องการเสนอหรือชี้ให้เห็นว่า ถ้าสามารถปฏิบัติตามแนวทางที่เสนอแนะได้ย่อมก่อให้เกิดผลดี