วันพุธที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2558

พระสมณโคดม สร้างบารมีมายาวนานเท่าใด

สมัยหนึ่ง พระอานนท์ได้ทูลถามพระผู้มีพระภาค ว่า "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ความปรารถนาที่จะเป็น พระพุทธเจ้า ทั้งหลายควรใช้เวลานานเท่าไร"


 พระพุทธองค์ตรัสว่า ดูก่อนอานนท์ ความปรารถนา เป็นพระพุทธเจ้าทั้งหลาย โดยการกำหนดอย่างต่ำที่สุด ๒๐ อสงไขย กับ ๑๐๐,๐๐๐ กัป กำหนด ปานกลาง ๔๐ อสงไขย กับ ๑๐๐,๐๐๐ กัป กำหนดอย่างสูง ๘๐ อสงไขย กับ ๑๐๐,๐๐๐ กัป ทั้ง ๓ ประเภทนั้น คือ พระพุทธเจ้าผู้เป็นปัญญาธิกะ สัทธาธิกะ และวิริยาธิกะ "
             อาจมีผู้สงสัยว่า ทำไมต้องกำหนดเวลานานอย่างนั้นด้วย ถ้าเร่งสร้างบารมีอย่างเต็มที่ เพียงไม่กี่ล้านชาติ ก็น่าจะสามารถตรัสรู้ธรรมได้ เหมือนกับถ้าขยันเรียนหรือขยันทำงาน ก็สามารถประสบความสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว

แต่อันที่จริงการจะเป็น พระพุทธเจ้าไม่ใช่ง่ายอย่างที่คิด พระพุทธองค์ตรัสว่า แม้บุคคลจะถวายมหาทาน เหมือนกับมหาทาน ของพระเวสสันดรทุกๆ วันก็ดี สั่งสมบารมีธรรม มีศีล เป็นต้น เพื่อมุ่งสัพพัญญุตญาณก็ดี หากยังไม่ถึง ๒๐ อสงไขย ๑๐๐,๐๐๐ กัปแล้ว ยังไม่อาจเป็นพระพุทธเจ้าได้ เพราะญาณยังไม่แก่รอบ ยังไม่ถึงความไพบูลย์ เปรียบเหมือนข้าวกล้าจะออกรวงได้ ต้องใช้เวลา ๔ หรือ ๕ เดือน แม้จะขยันรดน้ำวันละ ๑๐๐,๐๐๐ ครั้ง ทุกๆ วัน ก็ยังไม่อาจออกรวงภายใน ๑ เดือน ฉันใด ทุกสิ่งทุกอย่างก็ต้องค่อยเป็นค่อยไปตามกาลเวลาที่เหมาะสม ฉันนั้น



ระยะเวลากว่าจะได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า
             จากตัวอย่างของพระโคดมพุทธเจ้า นับแต่เริ่มสร้างบารมี โดยได้พบและอธิษฐานในใจต่อเบื้อง พระพักตร์ของ พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นครั้งแรก จนกระทั่งได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า มีระยะเวลาอันยาวนานและ ได้พบพระพุทธเจ้า เป็นจำนวนมากมายดังต่อไปนี้

             ช่วงคิดในใจ ๗ อสงไขย พบพระพุทธเจ้า ๑๒๕,๐๐๐ พระองค์
       ๑. นันทอสงไขย พบ ๕,๐๐๐ พระองค์   ๒. สุนันทอสงไขย พบ ๙,๐๐๐ พระองค์
        ๓. ปฐวีอสงไขย พบ ๑๐,๐๐๐ พระองค์   ๔. มัณทอสงไขย พบ ๑๑,๐๐๐ พระองค์
         ๕. ธรณีอสงไขย พบ ๒๐,๐๐๐ พระองค์  ๖. สาครอสงไขย พบ ๓๐,๐๐๐ พระองค์
         ๗. ปุณฑริกอสงไขย พบ ๔๐,๐๐๐ พระองค์
             ช่วงเปล่งวาจา ๙ อสงไขย พบพระพุทธเจ้า ๓๘๗,๐๐๐ พระองค์
         ๘. สัพพถัททอสงไขย พบ ๕๐,๐๐๐ พระองค์   ๙. สัพพผุลลอสงไขย พบ ๖๐,๐๐๐ พระองค์
        ๑๐. สัพพรตนอสงไขย พบ ๗๐,๐๐๐ พระองค์   ๑๑. อสุภขันธอสงไขย พบ ๘๐,๐๐๐ พระองค์
       ๑๒. มานีภัททอสงไขย พบ ๙๐,๐๐๐ พระองค์    ๑๓. ปทุมอสงไขย พบ ๒๐,๐๐๐ พระองค์
       ๑๔. อุสภอสงไขย พบ ๑๐,๐๐๐ พระองค์   ๑๕. ขันธคมอสงไขย พบ ๕,๐๐๐ พระองค์
       ๑๖. สัพพผาลอสงไขย พบ ๒,๐๐๐ พระองค์
             ช่วงได้รับพุทธพยากรณ์ ๔ อสงไขย แสน มหากัป พบพระพุทธเจ้า ๒๗ พระองค์ มีพระนามดังต่อไปนี้
             อสงไขยที่ ๑๗ เป็นสารมัณฑกัป พบ ๔ พระองค์ ได้แก่ พระตัณหังกรพุทธเจ้า พระเมธังกร พุทธเจ้า พระสรณังกรพุทธเจ้า พระทีปังกรพุทธเจ้า (ได้รับพุทธพยากรณ์เป็นนิยตโพธิสัตว์)
             อสงไขยที่ ๑๘ เป็นสารกัป พบ ๑ พระองค์ คือ พระโกณฑัญญพุทธเจ้า
             อสงไขยที่ ๑๙ เป็นสารมัณฑกัป พบ ๔ พระองค์ ซึ่งได้แก่ พระสุมังคลพุทธเจ้า พระสุมนพุทธเจ้า พระเรวตพุทธเจ้า พระโสภิตพุทธเจ้า
             อสงไขยที่ ๒๐ เป็นวรกัป พบ ๓ พระองค์ ได้แก่ พระอโนมทัสสีพุทธเจ้า พระปทุมพุทธเจ้า พระนารท- พุทธเจ้า
             ช่วงเศษแสนกัปของอสงไขยที่ ๒๐
             สารกัป พบ ๑ พระองค์ คือ พระปทุมุตร- พุทธเจ้า (พระสาวกส่วนใหญ่เริ่มได้รับพุทธพยากรณ์)
             สุญญกัป ว่างเว้นจากพระพุทธเจ้าไป ๓๐,๐๐๐ กัป
             มัณฑกัป พบ ๒ พระองค์ คือ พระสุเมธ พุทธเจ้าและพระสุชาตพุทธเจ้า
             สุญญกัป ว่างเว้นจากพระพุทธเจ้าไป ๖๐,๐๐๐ กัป
             วรกัป พบ ๓ พระองค์ คือ พระปิยทัสสีพุทธเจ้า พระอัตถทัสสีพุทธเจ้า พระธรรมทัสสีพุทธเจ้า
             สุญญกัป ว่างเว้นจากพระพุทธเจ้าไป ๒๔ กัป
             สารกัป พบ ๑ พระองค์ คือ พระสิทธัตถพุทธเจ้า
             สุญญกัป ว่างเว้นจากพระพุทธเจ้าไป ๑ กัป
             มัณฑกัป พบ ๒ พระองค์ คือ พระติสสพุทธเจ้า พระปุสสพุทธเจ้า
             สารกัป พบ ๑ พระองค์ คือ พระวิปัสสีพุทธเจ้า
             สุญญกัป ว่างเว้นจากพระพุทธเจ้าไป ๖๐ กัป
             มัณฑกัป พบ ๒ พระองค์ คือ พระสิขีพุทธเจ้า พระเวสสภูพุทธเจ้า
             สุญญกัป ว่างเว้นจากพระพุทธเจ้าไป ๓๐ กัป
             ภัทรกัป มีพระพุทธเจ้า ๕ พระองค์ คือ
                           ๑. พระกกุสันธพุทธเจ้า                             ๒. พระโกนาคมนพุทธเจ้า
                           ๓. พระกัสสปพุทธเจ้า                              ๔. พระสมณโคดมพุทธเจ้า
                           ๕. พระศรีอริยเมตไตรยพุทธเจ้า



 เพิ่มเติม
       พระปัจเจกพุทธเจ้า(ตรัสรู้เอง แต่ไม่ประกาศศาสนา) ใช้เวลาบำเพ็ญบารมี 2 อสงไขย กับ 100,000 กัป

พระอัครสาวก เช่นพระสารีบุตรกับพระโมคคัลลานะ ใช้เวลาบำเพ็ญบารมี 1 อสงไขย กับ 100,000 กัป ครับ

ส่วนพระอรหันต์สาวกที่ตั้งจิตอธิษฐานเพื่อให้ได้เป็นเอตทัคคะในด้านต่างๆ เช่นพระสีวลี พระอนุรุธะ พระปิณโฑลภารทวาช พระปุณณมันตานีบุตร พระมหากัจจายนะ ใช้เวลาบำเพ็ญบารมี 100,000 กัป


 ท้ายบท

การคำนวณความยาวนาน อสงไขย และ กัป

--------------------------------------------------------------------------------

อสงไขย

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

อสงไขย คือ การบอกจำนวนหรือปริมาณทั่วๆ ไปที่ไม่ได้เจาะจงว่าจะเป็นหน่วยของอะไร, เช่น หากใช้ระบุปริมาณเมล็ดถั่ว ก็ใช้ว่า มีถั่วเป็นจำนวน 1 อสงไขยเมล็ด เป็นต้น. แต่ในพระพุทธศาสนามักจะใช้กล่าวถึง ระยะเวลาที่พระโพธิสัตว์สร้างสมบารมีมาเพื่อเป็นพระพุทธเจ้า โดยนับหน่วยเวลาเป็นอสงไขยกัป. อสงไขยเป็นปริมาณหรือจำนวนที่มีการกำหนดที่นับประมาณมิได้ ซึ่งมีอุปมาเปรียบเทียบเอาไว้ว่า ฝนตกใหญ่อย่างมโหฬารทั้งวันทั้งคืน เป็นเวลานานถึง 3 ปี ไม่ได้ขาดสายเลย จนกระทั่งน้ำฝนท่วมเต็มขอบจักรวาล ซึ่งมีระดับความสูง 84,000 โยชน์ หากว่ามีใครสามารถนับเม็ดฝนที่ตกลงมาตลอดทั้ง 3 ปีได้ นับได้เท่าไร นั่นคือจำนวนเม็ดฝน 1 อสงไขย.
อนึ่ง คำว่า อสงไขย นั้น มาจากภาษาบาลี ว่า อ + สงฺเขยฺย (สันสกฤต : อ + สํขฺย) หมายถึง นับไม่ได้ หรือนับไม่ถ้วน นั่นเอง พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2542ระบุจำนวน ของอสงไขย ไว้ว่า เท่ากับ โกฏิ ยกกำลัง 20



การคำนวณความยาวนาน

สมมุติ มีกล่องใบหนึ่ง กว้าง 100 โยชน์ ยาว 100โยชน์ และ สูง 100 โยชน์ ในเวลา 100 ปี ให้เอาเมล็ดผักกาด 1 เมล็ด ใส่ลงไปในกล่องนั้น ทำอย่างนี้จนเมล็ดผักกาดนั้นเต็มเสมอเรียบปากกล่อง นั้นละจึงเท่ากับ 1 กัป
(บาง ตำรากล่าวว่า กว้าง 1 โยชน์ ยาว 1 โยชน์ สูง 1 โยชน์) วิเคราะห์คำนวณ 1 โยชน์ = 16 กิโลเมตร ดังนั้นกล่องใบนี้มีปริมาตร = 1600X1600X1600 = 4,096,000,000 ลูกบาศก์กิโลเมตร ประมานว่า เมล็ดผักกาด มีขนาด .5 มิลลิเมตร 1 กิโลเมตรเทียบเป็นมิลลิเมตรได้ดังนี้ 10X100X1000 = 1,000,000 มิลลิเมตรจะได้ 1 กิโลเมตรใช้เมล็ดผักกาดเรียงกัน = (1,000,000)/0.5 = 2,000,000 เมล็ด
ดังนั้น 1600 กิโลเมตรใช้เมล็ดผักกาดเรียงกัน = (1600X2,000,000 = 3,200,000,000) เมล็ด ถ้าเป็นปริมาตร คือ (กว้าง x ยาว x สูง) ต้องใช้เมล็ดผักกาดทั้งหมด คือ (3,200,000,000X3,200,000,000X3,200,000,000 = 32,768,000,000,000,000,000,000,000,000 เมล็ด)
ใน 100 ปี ใส่เมล็ดผักเพียง 1 เมล็ด ดังนั้นต้องใช้เวลาทั้งหมดคือ 32,768,000,000,000,000,000,000,000,000X100 =3,276,800,000,000,000,000,000,000,000,000 ปี
จึงได้เวลา 1 กัป ประมาณ สามล้านสองแสนเจ็ดหมื่นหกพันแปดร้อยล้านล้านล้านล้าน ปีประมาณ 3.3 X 10 ยกกำลัง 30 ปี
1 อสงไขยมีกี่ปีนั้นเป็นจำนวนที่แน่นอน คือ 1 ตามด้วยเลข 0 จำนวน 140 ตัว หรือ 1 X 10 ยกกำลัง140 ปี
วิธีนับอสงไขย



การนับอสงไขยให้เทียบเอาดังนี้
สิบ สิบหน เป็น หนึ่งร้อย
สิบร้อย เป็น หนึ่งพัน
สิบพัน เป็นหนึ่งหมื่น
สิบหมื่น เป็น หนึ่งแสน
ร้อยแสน เป็นหนึ่งโกฏิ
ร้อยแสนโกฏิ เป็น หนี่งปโกฏิ
ร้อยแสนปโกฏิ เป็น หนึ่งโกฏิปโกฏิ
ร้อยแสนโกฏิปโกฏิ เป็น หนึ่งนหุต
ร้อยแสนนหุต เป็น หนึ่งนินนหุต
ร้อยแสนนินนหุต เป็น หนึ่งอักโขเภนี
ร้อยแสนอักโขเภนี เป็น หนึ่งพินทุ
ร้อยแสนพินทุ เป็น หนึ่งอพุทะ
ร้อยแสนอพุทะ เป็น หนึ่งนิระพุทะ
ร้อยแสนนิระพุทะ เป็น หนึ่งอหหะ
ร้อยแสนอหหะ เป็น หนึ่งอพพะ
ร้อยแสนอพพะ เป็น หนึ่งอฏฏะ
ร้อยแสนอฏฏะ เป็น หนึ่งโสคันธิกะ
ร้อยแสนโสคันธิกะ เป็น หนึ่งอุปละ
ร้อยแสนอุปละ เป็น หนึ่งกมุทะ
ร้อยแสนกมุทะ เป็น ปทุมะ
ร้อยแสนปทุมะ เป็น หนึ่งปุณฑริกะ
ร้อยแสนปุณฑริกะ เป็นหนึ่งอกถาน
ร้อยแสนอกถาน เป็น หนึ่งมหากถาน
ร้อยแสนมหากถาน เป็น หนึ่งอสงไขย
จำนวนอสงไขย



อสงไขย มี 7 อสงไขย คือ
นันทอสงไขย
สุนันทอสงไขย
ปฐวีอสงไขย
มัณฑอสงไขย
ธรณีอสงไขย
สาครอสงไขย
บุณฑริกอสงไขย
อ้างอิง

พระ คัมภรีอนาคตวงศ์ , ประภาส สุระเสน, มหามกุฏราชวิทยาลัย ในพระบรมราชูปถัมภ์,พ.ศ. 2540, โรงพิมพ์มหามกุฏราชวิทยาลัย , ISBN 974-580-742-7  


เก๋็บมาจาก http://topicstock.pantip.com/religious/topicstock/2010/09/Y9704162/Y9704162.html