วันศุกร์ที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2556

บางส่วนจากคำสอนหลวงพ่อทัตตะชีโว 4-3-2556

"การที่ใครจะฝึกได้ดีหรือไม่ได้ดีนั้น พื้นฐานต้องแน่นก่อน แม้มาถึงวัดแล้วก็ต้องเคี่ยวเข็
ญกันไปจะปล่อยให้ตกหล่นไม่ได้ ไม่งั้นจะหาว่า หลวงพ่อ เอามาใช้แล้วปล่อยทิ้ง
ถ้า ใครยังสะอาดไม่พอ ยากที่จะมีระเบียบ ถ้าระเบียบไม่พอ ยากจะสุภาพ ดูเหมือนไม่เกี่ยวแต่ดูให้ดีนะ ถ้าสะอาดไม่พอ อารมณ์จะไม่ดี ลองอาบน้ำหรือขี้ไม่ล้างก้นแล้วไปนอนดูนะจะหลับลงมั้ย เมื่อระเบียบไม่พอจะยิ่งหงุดหงิดหนักไปอีก แค่ของในกุดในโต้ะยังหาไม่เจอเลย ที่ไหนสุภาพไม่พอ ยากที่จะตรงต่อเวลา เพราะไม่สุภาพก็ไม่มีใครอยากทำงานด้วย เมื่อก่อนเข้าพรรษาเคยอธิบายให้กัลยาณมิตรที่สงขลาและพอจ.สุพจน์ที่ทำงานภาค ใต้ เคยรายงานว่าคนใต้นี้ตามคนมาบวชยากเหลือเกิน หลวงพ่อ ย้อนว่ารู้มั้ยความผิดใคร ก็ความผิด ที่ท่านยังเหยียบน้ำทะเลไม่จืดเหมือนลปทวดไง หรือ จริงๆคือ ผู้ที่ไปตามคนมาบวชน่ะ ยังฝึกตัวเองดีไม่พอเมื่อไปชวนใคร เขาจึงยังไม่ศรัทธาทันที ธรรมะก็ยังไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่จะไม่ชวนก็ไม่ได้ เราะวัดร้างก็เพิ่มเรื่อยๆ ดังนั้นต้องทั้งชวนทั้งฝึกตัวให้ธรรมะก้าวหน้าไปเรื่อยๆด้วย
อย่างน้อยก่อนออกไปชวนแต่งตัวให้สะอาด ดูกิริยามารยาทนัดแนะเวลาสถานที่ให้ดี เพราะคนไม่ได้อารมณ์ดีตลอดทั้งวัน ไปตามคนก็ต้องเลือกเวลา
ตรง ต่อเวลาหรือจัดสรรเวลาดีไม่พอ ก็ยากที่จะแยกผิดถูก หากผิดถูกแยกไม่ออกก็ยากที่จะแยกดีชั่ว ถ้าดีชั่วแยกไม่ออกก็ยากที่จะแยก ควรไม่ควร แค่แยกเด็กผู้ใหญ่ ศิษย์อาจารย์ไม่ออก ก็จะยุ่ง และถ้าควรไม่ควรแยกไม่ออกก็ยากจะแยกบุญกับบาป ดูเวลาเลิกงานที่วัดปุ้ป รถติดไปไม่ได้เลย จราจรติดขัดสุดท้ายว่ากันเอง บุญก็ตกก็หล่น
ทั้งหมดนี้ถ้าจะแก้ก็ไล่ตั้งแต่ความสะอาดไล่กันมาตามลำดับๆ
เกรด ของคนที่จะไปตามก็ต่างกัน วรรณะหรือเกรดของคนวัดด้วยอะไร คำตอบคือ ความสะอาด ดูตัวอย่างเช่น ผ้าขี้ริ้วถ้าไม่สะอาดคงเช็ดพื้นไม่ได้ ดังนั้นมันก็ต้องสะอาด หรือผ้าเช็ดพื้นก็สะอาดไม่เท่าผ้าเช็ดโต้ะ ผ้าเช็ดโต้ะก็ไม่สะอาดเท่าผ้าเช็ดจาน ผ้าเช็ดจานก็ไม่สะอาดเท่าผ้าเช็ดหน้า แม้ผ้าเช็ดหน้าก็ไม่สะอาดเท่าผ้าเช็ดแว่นเช็ดเลนส์ หรือผ้าเช็ดเลนส์คงไม่สะอาดเท่าผ้าเช็ดเพชรพลอย เกรดของคนก็อยู่ที่ความสะอาดของคนๆนั้น ดูคุณยายลูกชาวบ้านก็ให้คนทั้งโลกมากราบได้ บางคนลูกมหาเศรษฐีแต่สกปรกก็ไปลดโคตรตระกูลของเขา เราฝึกตัวให้รักความสะอาดๆด้ขนาดไหน จะเอาแบบผ้าเช็ดตีน หรือ เช็ดโต้ะ หรือ เช็ดเพชรพลอย ก็อยู่ที่เราจะเป็นอะไรก็ฝึกเอา และส่ิงนี้แล่ะจะเป็นฐานแก่การเข้าถึงธรรมให้กับเราเอง ยิ่งสะอาดระดับไหนก็จะมีระเบียบสุภาพ ตรงต่อเวลา ผิดถูก ดีชั่ว ควรไม่ควรระดับนั้น เจ้าต้องๆปพิจารณาของเจ้าเอาเอง
คืน หนึ่งไปดูเณรจำวัด ในอดีต เที่ยงคืนแล้วบางรูปก็หลุดมานอกกลด เมื่อสองสามอาทิตย์ที่ผ่านมาลองไปดูในโรงนอน ไปตอนสี่ทุ่มกว่าๆ มีเณรหลับไปแล้วกว่า70%มีอีก30%ยังนั่งสมาธิอยู่ แล้วพอขึ้นไปชั้นสองลองดูมีเณรหลาย รูปนอนทั้งคว่ำหงาย หรือหลุดจากเสื่อ หรือ เท้าไปก่ายเพื่อนข้างๆก็มี บางรูปก็ตะแคงคุดคู้ คือ ทั้ง สุกรไสยาส สุนัขไสยาส สีหไสยาส หลวงพ่อ เรียก พระอาจารย์ มาดูบอกว่าที่หลุดจากที่นอนน่ะ หลวงพ่อ ไม่เห็นหน้าหรอกแต่รู้ว่าเรียนไม่ด ีหรอก พวกตะแคง เรียนได้ปานกลาง หากไม่รีบแก้ เดี่ยวก็จะสึก ท่านอนก็บอกได้ หลวงพ่อ ใช้สติสัมปัญชัญญะเป็นตัวตั้ง ซึ่งมันจะแสดงออกมาตอนหลับ เช่นพญานาคเป็นตัวอย่างที่จะแสดงตัวออกมาตอนหลับ แล้ว หลวงพ่อ มีวิธีแก้ไหม คือ หนึ่งเริ่มจากความสะอาด ตั้งแต่ตัวของเขาตั้งแต่หัวถึงเท้ารวมถึงอุปกรณ์ที่ใช้ต่างๆ
หลวง พ่อ ถามว่าที่เณรนอนอยู่ได้ถูไหม และใช้อะไรถู ถูทุกวันแต่ใช้ไม้ม้อบ แต่ถูกับลูบนี้ไม่เหมือนกันนะ ไม้ม้อบน่ะเป็นการลูบ แค่ภาษาไทย ถู กับ ลูบยังแยกไม่ออกเลย ก็นั่งท่องแม้มืดตื้อไปเถอะ ถ้าจะนอนต้องถู ถ้าพื้นแค่เดินก็ลูบพอ ต้องไล่ระดับความสะอาดให้ได้นะลูกนะ ถ้าพิจารณากันแบบนี้จะพบว่า วัดเรามีเรื่องที่จะพัฒนาอีกเยอะ แค่เรื่องความสะอาด และหากเราลองไปดูวัดต่างๆ บางวัดห้องน้ำนี่สะอาดแซงหน้าวัดเราไปแล้ว
สิ่งที่จะฝากเป็นข้อคิดอีก คือ ใครล้างมือล้างเท้าไม่เกลี้ยงยากจะล้างหน้าให้เกลี้ยง ขนาดมือเท้าที่เห็นๆยังล้างไม่เกลี้ยง แล้วหน้าที่มองไม่เห็น ต้องใช้กระจกจะเกลี้ยงได้อย่างไร ดูต่ออีก ถ้าล้างหน้าไม่เกลี้ยงจะล้างก้นให้เกลี้ยงได้อย่างไร ใครที่ปล่อยปะในเรื่องความสะอาดเช่นพ่อแม่ไม่ดูลูกให้สะอาดตั้งแต่เล็กๆเด็ก ก็จะโสโครกทั้งชาติ และที่เรายังต้องท่องแม้มืดตื้อเพราะเรายังเจ๋งไม่พอ เจ้าต้องไปดูความสะอาดในทุกเรื่องราว และหากล้างก้นยังไม่เกลี้ยงเลยจะไปล้างผักล้างเนื้อก็ไม่เกลี้ยงแล้วจะไปทำ อาหารให้อร่อยได้อย่างไร เสน่ห์ปลายจวักไม่มี มีแต่เสนียดปลายเท้า สุดท้ายครอบครัวก็ไม่นานต้องแยกทางกัน
ศีลแปลว่า ปกติ สะอาด คือความปกติ กายกับวาจา แพทย์พยาบาลเขาสะอาดอันดับหนึ่งเรื่องฆ่าเชื้อโรค แต่เราที่เข้าวัดสะอาดเพื่อที่จะฆ่ากิเลส เป้ามันต่างกัน แม้คนใช้ที่ทำสะอาดก็เพื่อจะเอาค่าแรง พ่อแม่สอนเรื่องความสะอาดก็เพื่อให้ลูกได้รู้จักช่วยเหลือตนเองได้ ฉะนั้นเข้าวัดแล้วท่านทำความสะอาดเอา อะไรถามตนเองให้ดี แล้วเป้าของเราจะชัด สะอาดระดับไหน ระเบียบ สุภาพ การบริหารเวลาจะได้ระดับนั้น แล้วจะไปสู่การแยกผิดถูก ดีชั่ว ควรไม่ควร บุญบาป และการเข้าถึงธรรม และการฝึกสิ่งเหล่านี้จึงส่งไปสู่อัตตาหิ อัตตาโนนาโถ ของคนนั้น คือ ผลของกรรมดีหรือชั่วของคนๆนั้น ถ้ายังสะอาดไม่พอความสกปรกจะบังใจคนๆนั้น สุดท้ายมองไม่เห็นกฏแห่งกรรม ก็ยากที่จะมองอะไรทะลุและก็จะหาอะไรไม่เจอ"