วันศุกร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

นิทานข้อคิดเรื่อง "ปัญหาหิน"

ครั้งหนึ่งนานมาแล้ว.....
พระราชาผู้ปราดเปรื่ององค์หนึ่งต้องการจะออกเดินทาง
ท่องเที่ยวไป เยี่ยมประชาชนของพระองค์ เมื่อมาถึงที่
กลางตลาดพระองค์ก็เกิดความคิดที่แยบคายอย่างหนึ่งขึ้น
พระองค์สั่งทหารนำหินก้อนใหญ่ มาวางกลางถนน
กีดขวางทางเดินของชาวบ้าน และพระองค์ก็ไปซ่อนตัวและ
คอยสังเกตอยู่ห่าง ๆ
.........




ชาวนาคนแรกเดินผ่านมาพร้อมทั้งบ่นอย่างไม่พอใจ
ว่าใครกันที่เป็นผู้ที่นำหิน นี้มากีดขวางทางเดินของเขา
แต่แล้วเขาก็เดินอ้อมหินนั้นไป พระราชาก็มองดูด้วยความสนใจ

.........
ต่อมามีหญิงเลี้ยงวัวคนหนึ่งเดินจูงวัวของตนมา
เมื่อมองเห็นหินก่อนนั้นเธอก็พูดว่าทำไมหินก่อนนี้
จึงมาอยู่ที่นี่ แล้วอย่างนี้เธอจะข้ามมันไปได้อย่างไร
พูดจบหญิงคนนั้นก็จูงวัวของเธอเดินหันหลังกลับไป
โดยไม่สนใจที่จะเดินอ้อมมันไปเหมือนชาวนาคนแรก

.........
เวลาผ่านไปไม่นานก็มีเด็กชายตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง
เดินมาหยุดอยู่ที่หน้าก้อนหินก้อนใหญ่นั้น เขาพยายาม
ที่จะผลักหินไปให้พ้นทางแต่เพียงลำพังตัวเขา
ก็ไม่สามารถทำได้เขาจึงเดินหันหลังกลับไป

.........
แต่เพียงไม่กี่อึดใจเด็กน้อย คนนั้นก็เดินกลับมา
พร้อมกับเพื่อน ๆ ของเขาหลายคน แล้วเด็ก ๆ
ก็ช่วยกันผลักหินก้อนนั้นออกไปให้พ้นทางเดิน
เมื่อพวกเขาเดินกลับมาที่ถนน พวกเขาก็พบ
ถุงใส่เหรียญทองของพระราชาวางอยู่แทนที่หินก้อนนั้น
.........++++++++++++++++++++++++++



ข้อคิดดั้งเดิมจากในไลน์(ที่ศิยรายcopyมาแปะ)
หินก้อนนั้นได้ให้ข้อคิดที่มีค่าอย่างหนึ่งนั่นก็คือ
อุปสรรคในชีวิตของพวกเรานั้นมีไว้เพื่อพิสูจน์ความกล้า
ของเราที่จะเผชิญหน้ากับมัน หากเราหนีปัญหา
หรืออุปสรรคที่เกิดขึ้นแล้ว เราก็ต้องหนีมันไปเรื่อยๆ

หากปัญหานั้นหนักหนาเกินกว่าเราจะฝ่าฟันไปได้
ลองมองไปรอบ ๆ ตัวแล้วเราจะพบว่ายังมีผู้ที่สามารถ
ช่วยเรามาก เท่ากับผู้ที่เราสามารถจะช่วยให้เขาฝ่าฟัน
อุปสรรคของเขาไปได้ และอุปสรรคที่แข็งแกร่งที่สุด
ก็คือ ความอ่อนแอและความหวาดกลัวของตัวเราเอง
ที่จะเอาชนะปัญหาที่เกิดขึ้นนั่นเอง.



ข้อคิดใหม่จากศิยราย
หินก้อนนั้นอาจจะใช่อุปสรรค หรือไม่ใช่อุปสรรคก็ได้ ขึ้นอยู่กับว่าคนๆนึงมองมันอย่างไรในมุมไหน และตกอยู่ในสถานการณ์เช่นไร เมื่อมองแยกแยะถูกที่เหตุ ผลก็ย่อมเกิด


สังเกตดูดีๆจะพบว่า ชายคนแรกแค่บ่นกับก้อนหินแล้วอ้อมไป หมายความว่า "ก็เป็นปัญหานะ แต่มันไม่ใช่กงการอะไรของฉัน"  เขาไม่ได้ตกอยุ่ในสถานการณ์ที่ต้องไปไยดีกับก้อนหิน เพราะเขาคิดถึงแต่ตัวเอง คนเช่นนี้ สังเกตดีๆ ต้องรอให้ฝุ่นเกาะโต๊ะสักนิ้ว ถึงจะเริ่มทำความสะอาดบ้าน ต้องรอให้สะดุดของในบ้านตัวเองล้ม ถึงจะมาจัดของ คนเช่นนี้อยู่ร่วมกับคนอื่นได้ยาก และถึงคราวเจอภัยก็เอาตัวไม่รอด


หญิงจูงวัวเลือกเดินหันหลังกลับ เป็นตัวแทนผู้ที่คิดว่า "นี่คือปัญหาของฉัน คนเดียว ฉันคนเดียวจะทำอะไรได้" ตัวอย่างของคนหนีปัญหา สุดท้ายแล้วก็ไม่พ้นปัญหา เพราะโลกนี้คือแดนแห่งปัญหา หนี แก่ เจ็บ ตายไม่พ้น


เด็กที่ไปชวนเพื่อนไปยกหินออก เป็นตัวแทนผู้ที่คิดว่า  "หินก้อนนี้ไม่ใช่ปัญหาของเรา แต่เป็นปัญหาของอีกหลายคน เป็นความสุขของเราที่จะได้ปลดปัญหาให้พวกเขา"
นี่คือตัวอย่างของคนที่มีจิตใจดี ใจใส ซึ่งจะทำให้เกิดความคิดที่เหนือกว่าขอบเขตของตัวเอง ซึ่งยากที่คนธรรมดาๆจะคิดออก


กรณีเด็กน้อยนี้ยังมีความนัยบอกอีกหลายอย่างด้วย เช่น คนที่ใจใสใจกว้่างจะมีความเป็นผู้นำสูง เป็นคนแยบคาย พากเพียร และมักมีบริวารสมบัติ มีโภคทรัพย์สมบัติ และความศักดิ์สิทธิ์ในตัวเอง



การจะเป็นอย่างเด็กคนนั้นได้นั้น ไม่ต้องรอเกิดใหม่เลย เพียงแค่เรารวมใจมาหยุดนิ่งไว้ในกลางตัว ไม่เกาะไม่เกี่ยวไม่เหนี่ยวไม่รั้งสิ่งใด ทำอย่างนี้ซ้ำๆบ่อยๆเข้า ทางสายกลางนั้นจะนำไปสู่ความใสสว่างไม่มีประมาณ และจะได้พบกับผู้รู้ภายใน แล้วเราจะได้ความคิดที่หลุดจากขอบเขตของตัวเองได้อย่างง่ายๆ

จิตฺตํ ทนฺตํ สุขาวหํ จิตที่ฝึกดีแล้ว นำสุขมาให้
ปุญญสวัสดี

ศิยราย